Admin คนทำเว็บ~หน้าตาดี
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 394 อายุ : 37 สิงสถิตย์ที่ใด : ตึกจำปี 616 Registration date : 24/05/2007
ในวงเล็บตอบฉันชอบที่เธอเป็น.. หน้าตาดีแค่ไหน?: (95/100) รักค่ายยิ่งชีพ?: (80/100)
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: กิจกรรมวันแม่ มีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านเกี่ยวกับแม่ ซึ้งมาก Sat Jul 14, 2007 2:13 pm | |
| ดีมากนะ อยากให้ทุกคนได้อ่าน แล้วลองมองกลับไปว่าเราลืมใครไปหรือเปล่า ณ......................วันนี้
ก่อนแม่จะสิ้นลมหายใจ ได้บทความจากคุณสุรสิทธิ์
บ้านพักคนชราที่ผมไปเยี่ยมเยืยนมาหลังวันเกิดในเดือนที่แล้วเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็กๆ ที่สมภารเจ้าอาวาสอดีตนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่านมาปลูกสร้างเพื่อให้ผู้เฒ่าผู้ชราได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง มีโยมผู้หญิงวัยกลางคนไร้ญาติและสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลกมาบำเพ็ญธรรมโดยไม่บวชชี ท่วงท่าเจรจาพาทีดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้นแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็น ผู้ดูแลผู้ชราทั้งหญิงชายที่ถูกทอดทิ้งรวม13 ชีวิต ค่าจ้างคนดูแล น้ำไฟ เสื้อผ้ายารักษาโรค ข้าวปลา อาหาร
สมภารใจดีอดีตนักเรียนช่างกลที่รอดตายมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหมาจ่ายคนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร พูดคุยกับท่านหลายเรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน 500 บาท ใส่ซองถวายท่านเป็นค่าใช้จ่าย ท่านจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ชวนผมเดินลงจากศาลาไปที่บ้านพักคนชราแห่ง นั้น เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่งให้คนบาปอย่างผมมีดวงตาเห็นธรรมโดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใดๆ
หญิงชรารูปร่างเล็กผิวสองสีบอบบางทอดกายเหยียดตรงบนเตียงเล็กๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบาง ๆ ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบาๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย แม่เฒ่าพยายามยกขึ้น ประนมไหว้
เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง กังวานน้ำเสียงแห่งพุทธบุตรผู้เมตตาเปล่งวาจาถามไถ่ อาการและ ให้ศีลให้พรเบาๆ แต่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์หยาดน้ำตาแห่งความปิติ ท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่นแล้วค่อย ๆ ซึมเซาะรินไหลไปตามร่องขอบตาที่เ่ยวย่นบนใบหน้าเวทนาบังเกิดจนผมต้องเบือนหน้าหนี
ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่ เรื่องราวทั้งหลายในอดีตยังเจิดจ้าอยู่ใน ความทรง จำเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน.......
แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของ จังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่าแรงรายวันโดยแม่เฒ่ารับจ้าง ทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสม ฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คนให้อยู่อบอุ่น กินอิ่มโดยไม่ต้องลำบากช่วงนั้นแม่ เฒ่า เลิกทอผ้าแล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะ เหล้าซักหยด แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของสารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ ร่ำเรียนจนจบปริญญา ครอบครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสาย เลือด
ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาดในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้ง ไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงานสมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโตเปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ ต้องการ ปีต่อมา ลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคนแม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติ ของ ลูกด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย
สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัดแม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุด ท้ายของแม่เฒ่ารับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา
สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่าสะใภ้ คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหักตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวแม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้าทำกับข้าวจัดสำรับคับค้อนตั้ง โต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่มแม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้างกวาดเช็ดถูบ้านช่องเรียบร้อย แล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้านในวัยไล่เลี่ยกัน สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุก ชนิดที่ซื้อมาทำกับ ข้าวต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอนที่เหลือต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาดแต่แม่เฒ่า ก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์
แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโตเพื่อนกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัว จ่ายเงินให้แม่เฒ่า แค่วันล่ะยี่สิบบาทไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้ แม่ผัวเม้นส่วนเกิน
แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อยจึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี สองสามวัน ต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้น เพราะความรักลูก
หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาดแม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผล ไม้ที่ลูกชอบติดมือไป ด้วยแต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิด ประตูนอนดูโทรทัศน์สั่ง คนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้านจะคุยกับลูกชายนั่นก็ออกอาการ ไม่ว่างถามคำตอบคำ เหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้น โตที่ห้อยแขวนพระเครื่อง ราคาแพงในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วย ความเลื่อมใสและไม่แม้แต่จะชายตามอง แม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ ทองอย่างเดียวดาย เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจาก บ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัด คืนใส่มือ ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษา มารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง ลูกสาวคนเล็กที่ แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่น แทบไม่ต้องพูดถึงเธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต้ครั้งแรกที่ไปเยี่ยมว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้าน เธอมีแขกที่เป็นลูกน้อง ของผัวและพ่อค้าวานิชเข้าพบผัวของเธอเพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อยๆ และผัวของหล่อน ก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้า อย่างถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษา หน้าตาของลูกเขยนั้น ต้องทำอย่างไรแม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขยเป็นเจ้าคนนาย คนแม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคนจึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนา สาหัสขนาดนั้น ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สองกระทบธุรกิจของ& amp; lt; BR>>สองผัวเมียจนทรวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมด ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึง ขาลงสองผัวเมียเริ่มมีปาก เสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล โดยที่ลูกชายก็ไม่ออก อาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...
12 มิถุนายน ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดัง กึกก้องเป็นระยะๆ ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับ ปล่อยแม่เฒ่า เฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้านขอซื้อเบียร์หนึ่ง ขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดิน เข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่องช่วยกัน แบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้านช่วยกันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวาง เมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหัน ไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้งเพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระ ถางเสียงสบถด้วยคำหยาบ ของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้านครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่กึกก้องประสานเสียงกับ สายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่ จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์
ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวรแม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่ คำเดียว กว่าชั่วโมงใน ห้องแอร์เย็นเฉียบแต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผาที่ต้องวิงวอนสองผัวเมีย ให้เห็นบาปบุญคุณโทษแต่ สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่า ที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้านด้วย ความหนาวเหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่ เฒ่าที่บ้านบ้านซึ่งประตูเหล็ก ถูกปิดสนิท แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้านแล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ บนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตก กระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาด ซัดรูปถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอกน้ำตาแห่งความ รันทดทะลักล้นปนน้ำฝนปวด ร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ
แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้า ๆเหมือนร่างไร้วิญญาณเข้า ตลาดไปหยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทอง ของลูกชายคนโตเหมือนเป็นการบอกลาแล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝนไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุด ท้ายเป็นครู่ใหญ่จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็น ระยะดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีด นิ้วกัปนาทบรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน รถ กระบะเก่า ๆคันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอด สงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสามเศษๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนน เปล่าเปลี่ยวเดียวดายด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวชแม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่ เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่นาทีสุดท้ายของ การตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตจึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิงเหมือนร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม ฟ้าเริ่มขมุกขมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จน วันนี้แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับที่ทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหาจะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัดแต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้ แต่เงาของลูกทั้ง 3
ผมจากลาออกมาทั้งที่น้ำตาเปื้อนหน้าประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา.. " แม่จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่ เกิดจนโตจะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่ แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือ ของลูกคนไหนเอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม....." | |
|